"เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน"
ในหมู่บ้านหนึ่งที่ลมพัดโชยกลิ่นดินใหม่ หนูนานั่งเงียบอยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันกับเสียงจักจั่นแข่งกันกลบเสียงในหัวของเธอ — เสียงที่ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเหมือนคำกระซิบที่สะกิดบางอย่างในหัวใจ
> "ถ้าใจมันอยากรับใช้... ต้องรอให้ชีวิตพร้อมก่อนใช่ไหมคะ?"
เธอเคยถามแม่อย่างนั้นในคืนหนึ่ง แม่เพียงลูบหัวแล้วบอกว่า
"บางครั้งพระเจ้าไม่ได้รอคนที่พร้อม... พระองค์ใช้คนที่ยอม"
และนั่นคือคำพูดที่เธอไม่เคยลืม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ฤดูฝน...
หลังจบม.3 หนูนาไม่ได้เดินเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายในตัวเมืองแบบเพื่อนๆ คนอื่น
เธอกลับเลือกทางแคบเล็กที่พาเธอไปยังวัดนักบวชหญิงคณะหนึ่งที่เธอไม่รู้จักชื่อ
วันที่เธอได้เจอกับ "ซิสเตอร์เอเล" เป็นวันแรกที่เธอรู้ว่า
การรับใช้...ไม่ได้ต้องมีใบปริญญา แต่อยู่ที่ "ใจเต็มร้อย"
"ถ้าเธออยากเรียนต่อ เราจะหาวิธีให้เธอได้เรียน"
เสียงของซิสเตอร์เอเลพูดด้วยแววตาที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
และหนูนาเองก็ไม่ลังเลเช่นกัน
เธอเริ่มเรียน กศน. เทียบเท่าระดับ ม.4–6 ไปพร้อมกับการช่วยงานในบ้านนักบวช — ล้างจาน กวาดห้อง จัดห้องผู้ป่วย และยืนเงียบๆ เวลาซิสเตอร์สวดภาวนา
เธอไม่เคยรู้ว่า พระเจ้าจะฟังเธอหรือไม่ แต่เธอรู้ว่า ทุกวันที่เธอเหนื่อย เธอยัง "อยากทำต่อ"
เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนเริ่มทำงาน บางคนมีแฟน บางคนหนีเรียนไปเที่ยว
หนูนานั่งจดโน้ตบทเรียนของผู้ช่วยพยาบาลใต้แสงไฟห้องครัว
พร้อมคำภาวนาสั้นๆ ก่อนหลับตา
> "ขอให้หนูรักในสิ่งที่หนูทำ และทำในสิ่งที่หนูรัก...เพื่อใครสักคนที่กำลังรอความหวังอยู่"