ชายหนุ่มเริ่มใช้ความคิดวางแผนกลยุทธ์ว่าจะสู้กับอิศราแบบไหนดี เพื่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สนใจกฏกติกาทั้งสิ้น รูปแบบอาจจะต้องเปลี่ยนไป
...แบบนี้ต้องรอดูซักระยะ ค่อยหาทางแก้เกม ลองดูไปก่อนว่าอิศราจะมาไม้ไหน...
"พอดีทำงานหนักไม่ค่อยได้พักผ่อนครับ เชื้อโรคสกปรกเลยชอบเข้ามาติดคอโดยไม่มีเหตุผล" นักวิจัยหนุ่มจงใจกระทบ
ได้ผล อิศราขมวดคิ้ว รู้ว่าภีรวัสจงใจเปรียบเขาเป็นเชื้อโรค
...ข้อเสียของอิศราอยู่ตรงนี้ ใจร้อน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้...
"แต่อยู่ที่นี่จะดีขึ้นครับ กรุงเทพฯ มลภาวะเยอะ ที่แค้มป์สนอากาศสดชื่น สูดได้เต็มที่ ถือว่าเป็นการฟอกปอด"
"ใช่ครับ ฟอกปอด ยิ่งคนสูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืนดึก ยิ่งต้องสัมผัสกับธรรมชาติ" ภีรวัสเออออ ถือโอกาสสั่งสอนผีเสื้อราตรีที่นั่งทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่ข้างคนขับ ทำเป็นไม่สนใจที่เขาตั้งใจพูดกระทบ
"ผู้กองครับ ตอนกลางคืนที่นี่หนาวมากไหมครับ นี่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ก็รู้สึกเย็นๆ แล้ว" อิศราทำหูทวนลม ไม่ได้ยินคำพูดกระทบกระเทียบ
"ก็พอสมควรครับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ เดือนหน้าสิจะเริ่มหนาวมากกว่านี้ ตอนเช้าแทบมองไม่เห็นอะไรเลยครับ หมอกลงจัด"
"ได้บรรยากาศ ผมจะได้ตื่นมาถ่ายรูปแสงแดดยามเช้าที่ส่องกระทบน้ำค้างยามเช้าเป็นประกาย มีม่านหมอกเป็นฉากหลัง" อิศราพูด ตาเป็นประกาย
"ตื่นทันหรืออิศรา" ภีรวัสอดขวางไม่ได้
ทั้งที่เมื่อสักครู่อิศราทำเป็นไม่สนใจที่โดนกระทบกระเทียบ แต่คราวนี้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่โดนเพื่อนขัดคออยู่เรื่อย "ทันสิ ปกติเราเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว" ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย ก่อนหันไปยิ้มกับคนขับที่กำลังฟังทั้งสองคุยกัน "แต่บางวันก็สายบ้าง ถ้าทำงานดึก"
...เที่ยวดึกสิไม่ว่า...ภีรวัสต่อความอยู่ในใจ แทนที่จะพูดออกมา
...ปราณีอิศราเสียบ้างก็ดี นี่แค่ยกแรก ยังมีเวลาอีกหลายอาทิตย์...
ภีรวัสตั้งใจว่าเมื่อไปถึงที่พักต้องตกลงเรื่องกฏเกณฑ์กับอิศราเสียใหม่ เอาให้ชัดเจน เล่นมาสู้รบในรูปแบบกองโจรแบบนี้เขาไม่ชอบ
อิศราเดินไปมาพลางอธิบายสถานการณ์และข้อตกลงให้เพื่อนที่นั่งฟังอย่างสงบ แต่แล้ว ในที่สุดภีรวัสก็ทนไม่ไหวเพราะอิศราพูดน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงเช่นเคย
“สรุปแล้ว นายจะงาบผู้พันวรุตม์คนเดียว ใช่หรือไม่”
“ใช่” อิศรายอมรับหน้าตาเฉย ตอบเสียงชัดเจน “เราเห็นก่อน”
“ไม่แฟร์นี่นา” ภีรวัสบ่น
“ทำไมจะไม่แฟร์ ยูไม่เคยชอบคนในเครื่องแบบไม่ใช่หรือ” อิศราเสียงดังขึ้น
“ไม่นึกเลยว่าอิศราจะขี้ขลาดตาขาว จนถึงลดศักดิ์ศรีลงมาขอผู้ชายเสียดื้อๆ เพราะกลัวแพ้เพื่อน” ภีรวัสทำเสียงเยาะๆ ใช้กลยุทธ์เดิมซึ่งเคยใช้ได้ผลเสมอ อิศราไม่เคยอดทนกับคำสบประมาทได้เลย
“แกจะเอายังไงภีร์” อิศราเสียงแข็ง สรรพนามเรียกเพื่อนเปลี่ยนไปตามอารมณ์
“ก็อย่างเคย ใครดีใครได้” ภีรวัสยักไหล่
“ได้เลย แล้วอย่ามานั่งน้ำตาเช็ดศอกเพราะแพ้อิศรานะเพื่อน” อิศราพูดอย่างมั่นใจ“เพราะเราคิดว่า ผู้พันวรุตม์ปิ๊งเราล่ะ ยิ้มให้เราตลอด”
“เรียกยศเขาถูกแล้วหรือ” ภีรวัสเบ้ปาก “นี่ถ้าไม่ได้ยินเราเรียกว่าผู้พัน ยูก็คงเรียกเขาว่าจ่าต่อไปซินะ”
“รู้ได้เองโว๊ย ตอนแรกไม่ทันได้ยินเขาบอกยศ มัวแต่หลงมองใบหน้าหล่อๆ อกกว้างๆ กับเป้านูนๆ” อิศราอมยิ้ม
“แต่ก่อนอื่น ต้องทดสอบเสียก่อนว่าเขาเป็น PLU หรือเปล่า” ภีรวัสลุกขึ้นเดิน เอามือไขว้หลัง ท่าทางใช้ความคิด
“ต้องทดสอบทำไม แค่มองตาก็รู้แล้ว เราว่าเป็นชัวร์ เพียงแต่ปกปิดไว้มิดชิด แต่ดวงตาเป็นประตูของหัวใจ เรามองออก” อิศราแย้ง
“ทำเป็นเก่ง” ภีรวัสส่ายหน้า “แล้วตอนที่เกือบโดนอีตาเลขารัฐมนตรีเกือบถีบเข้าให้ล่ะ มองตาเขาอีท่าไหนถึงอ่านผิด”
“ไอ้นั่นมันใส่แว่นตาหนาเตอะนี่หว่า มองเห็นไม่ชัด” อิศราแก้ตัว “ผิดเป็นครูไงล่ะภีร์ แต่ผู้พันวรุตม์เรามองไม่ผิด หัวใจเราสัมผัสได้ ว่าเขาก็กระหายไออุ่นจากตัวของเรา”
“แล้วกติกา” ภีรวัสถามย้ำ ทั้งที่รู้ดีว่าอิศราได้เปิดฉากไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่าไม่สน ‘กติกา’ ที่เคยตกลงกันเป็นประจำ
“กติกาก็คือไม่มีกติกา no rules ลองทำแบบนี้ซักทีเถอะภีรวัส จะได้สนุกกว่าเดิม ท้าทายด้วย ชักเบื่อกฎเดิมๆ แล้วนะ” อิศราเบ้ปาก
ภีรวัสเอียงหน้าไตร่ตรองชั่วครู่แล้วพยักหน้า “แต่ก็อย่าให้ถึงขนาดสู้กันแบบกองโจรนะอิศรา ไม่งั้นจะหาว่าภีรวัสร้ายไม่ได้” นักวิจัยหนุ่มขู่เพื่อน
“ได้เลยพีวีซี คราวนี้ล่ะ จะได้รู้กันว่า ฉันหรือแก you or me ข้าหรือเอ็ง ใครจะเป็นหนึ่งในยอดยุทธภพตลบหลังผู้ชาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ใช้คำผิดนะคุณอิดโรย ต้องพูดว่า ยอดยุทธจักร หลอกให้รักแล้วทิ้ง” ภีรวัสแก้คำพูดของเพื่อนให้ถูก แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเมื่อนึกถึงเหยื่อรายใหม่
เกมหัวใจจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนั้น!