ระหว่างพักกลางวันในวันฝนครึ้มห้องเรียน 5/3 เงียบกว่าปกติเสียงหัวเราะเบาบางลง เหมือนเมฆเทาหนัก ๆ ลอยอยู่เหนือศีรษะทุกคน
ทีน่าแบกสมุดวาดรูปใบเดิมมานั่งตรงมุมห้องแบงค์หยิบสมุดเปล่าที่เขาเพิ่งกลับมาเขียนอีกครั้งภูเปิดหนังสือเล่มหนาที่เขาพกติดตัวเสมอสามคนในมุมเงียบของห้องเรียนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็เข้าใจกันดีว่า ต่างคนต่างแบก "อะไรบางอย่าง" อยู่
ไม่มีเสียงใดดังขึ้นนอกจากเสียงลมหายใจแต่นั่นกลับทำให้พวกเขารู้ว่าบางครั้ง การได้อยู่กับใครสักคนในความเงียบคือวิธีปลอบใจที่ดีที่สุด
"เคยรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ไหม?"ภูถามขึ้นเบา ๆ ระหว่างพวกเขานั่งใต้ต้นไม้หลังโรงเรียน
แบงค์พยักหน้า"แทบทุกวันเลย"
ทีน่ายกหัวขึ้นจากสมุดวาด"เหมือนพยายามใส่ตัวเองลงไปในบทบาทที่ไม่ใช่ของเรา"
ภูถอนหายใจ"ฉันไม่ได้เกลียดใครหรอก แต่ฉันเหนื่อยที่จะต้องทำตัวให้เหมือนปกติในทุกวัน"
สามเสียงที่แตกต่างกลับคล้ายกันในความเงียบในตอนนั้น พวกเขาเริ่มเข้าใจว่าเส้นทางของแต่ละคนแม้จะไม่เหมือนกันแต่จุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่...กลับใกล้กันมากอย่างน่าประหลาด
ในคาบเรียนวันต่อมา ครูให้แต่ละคนจับกลุ่มทำโครงการเกี่ยวกับ "เรื่องที่อยากเปลี่ยนในโรงเรียน"แบงค์ ภู และทีน่าอยู่กลุ่มเดียวกันโดยไม่ต้องตกลงอะไรพวกเขาเลือกหัวข้อว่า
"เราจะสร้างพื้นที่ให้คนที่ไม่อยากพูดได้ยังไง?"
ทีน่าเสนอว่าอาจเป็นมุมเงียบในห้องสมุดแบงค์อยากให้มีจุดเขียนบันทึกหรือระบายความรู้สึกภูเสนอ "สมุดความเงียบ" ที่ใครก็สามารถเขียนทิ้งไว้โดยไม่ลงชื่อ
ระหว่างเตรียมงาน ไม่มีใครต้องเป็นผู้นำเพราะแต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเองดีพวกเขาไม่ได้พูดเยอะแต่กลับสื่อสารกันได้มากกว่าที่เคยเป็นมา
ในวันนำเสนอพวกเขานำไอเดีย "สมุดความเงียบ" มาอธิบายหน้าห้องแม้เสียงในห้องจะเบา แม้เพื่อนบางคนจะไม่เข้าใจแต่เมื่อแบงค์พูดว่า
"บางคนพูดเก่ง บางคนคิดเก่งแต่บางคนแค่ 'เงียบเก่ง' ไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใน"
ห้องเรียนเงียบกริบและในวินาทีนั้น ทีน่าเห็นเพื่อนบางคนที่ไม่เคยพูดเลยตลอดเทอมนี้ยิ้มให้เธอเป็นครั้งแรก
หลังจากวันนั้น พวกเขานำสมุดปกเปล่ามาเล่มหนึ่ง วางไว้ที่ห้องสมุดชั้นสองไม่ติดชื่อ ไม่มีกติกาใครอยากเขียนอะไรก็เขียนอยากระบายก็เขียนอยากวาดก็วาด
สัปดาห์ต่อมา สมุดเล่มนั้นเริ่มหนาขึ้นมีลายมือหลายแบบบางหน้าว่างเปล่ากับประโยคเดียว
"ฉันไม่รู้ว่าฉันเศร้าหรือแค่เหนื่อย"
บางหน้าเต็มไปด้วยภาพคนเดินในสายฝนบางหน้าวาดรูปคนร้องไห้ใต้หน้ากากยิ้มแบงค์พลิกสมุดทีละหน้าเขาไม่ได้รู้ว่าใครเขียนแต่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เหงาคนเดียว
วันหนึ่ง ฝนตกหนักอีกครั้งหลังเลิกเรียน ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่มุมเดิมใต้ต้นไม้สายฝนพรั่งพรูลงมาเหมือนล้างอะไรบางอย่างออกไปจากใจ
ทีน่าถามเบา ๆ"แกคิดว่าเราจะกล้าพูดความในใจกับครอบครัวเราได้จริง ๆ ไหม?"
แบงค์นิ่ง"ตอนนี้ยัง...แต่เรากำลังเดินไปทางนั้นอยู่ละ"
ภูยิ้ม"แล้วถ้าหลงทางอีกล่ะ?"
"ก็กลับมานั่งตรงนี้ใหม่ไง" แบงค์ตอบคำตอบเรียบง่ายแต่มันคือคำสัญญาเงียบ ๆ ว่าถ้าพวกเขาเดินต่อไม่ไหวก็ยังมีใครที่รอเงียบ ๆ อยู่ตรงนี้เสมอ
เย็นวันนั้น ก่อนกลับบ้านทีน่าเปิดสมุดวาดของเธอเธอวาดรูปเด็กสามคนกำลังยืนหันหลังให้ผืนกระดานดำแต่ละคนมีแผนที่ของตัวเองคนหนึ่งวาดด้วยลายมือ คนหนึ่งด้วยสีน้ำ และอีกคนด้วยเส้นดินสอขีดเงียบ ๆ
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกแผนที่กำลังเดินไปในทิศเดียวกันแม้จะไม่เหมือนกันทุกก้าวแต่ก็ก้าวไปด้วยกัน
