LightReader

เราต่างเดินทางมาคนละแผนที่ (We All Walk With Different Maps)

THE_BEAM
7
chs / week
The average realized release rate over the past 30 days is 7 chs / week.
--
NOT RATINGS
739
Views
Synopsis
เรื่องราวเริ่มต้นด้วย "ภู" (ภูกานต์) เด็กชาย ม.5 จากต่างจังหวัดที่ได้รับทุนมาเรียนที่กรุงเทพฯ. ภูรู้สึกว่าตัวเอง "ธรรมดาเกินไป" เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นที่มีความสามารถโดดเด่นและฐานะทางบ้านที่ดี. เขารู้สึกกดดันกับการพยายามเป็น "คนเก่ง" ตลอดเวลา. ภูได้พบกับ "ทีน่า" (ธีรดา) เด็กสาวสายศิลป์ที่ชอบวาดภาพและไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัว. ทีน่าเป็นคนพูดน้อยแต่ใจดี. ภาพวาดของทีน่ามักจะเป็นภาพเหนือจริงที่สื่อถึง "ความรู้สึกที่พูดไม่ได้" และความสัมพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์ในครอบครัวของเธอ. อีกคนหนึ่งคือ "แบงค์" (ธนพล) เพื่อนร่วมห้องของภูที่ดูร่าเริงและเป็นที่รักของทุกคน. แต่ภูได้เห็นแบงค์ร้องไห้อย่างเงียบๆ ใต้สะพานลอย เพราะความกดดันและความคาดหวังสูงจากพ่อที่อยากให้เขาเป็นหมอ. เหตุการณ์นี้ทำให้ภูเข้าใจว่าแม้แต่คนที่ดูแข็งแกร่งก็สามารถร้องไห้ได้. ทั้งสามคนเริ่มสนิทกันมากขึ้นและเรียนรู้ที่จะเข้าใจความเจ็บปวดที่ไม่มีคะแนนวัดได้. ภูเริ่มตั้งคำถามถึงความหมายของการเป็น "คนเก่ง" และความฝันที่คนอื่นคาดหวังจากเขา. ในที่สุด แม่ของภูเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ทำให้ภูต้องเลือกระหว่างการสอบชิงทุนไปต่างประเทศกับการกลับไปดูแลแม่. เขาตัดสินใจกลับลำปาง และแม่ได้บอกเขาว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาเป็นคนเก่งที่สุด แต่แค่อยากให้เขาไม่ต้องลำบาก. เรื่องราวลงท้ายด้วยการที่ตัวละครทั้งสามคนได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยตระหนักว่า "การไม่รู้จะเดินทางไหน" ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวเองอย่างแท้จริง.
VIEW MORE

Chapter 1 - เราต่างเดินทางมาคนละแผนที่ (We All Walk With Different Maps)

ผมเชื่อว่าทุกคนต่างเคยยืนอยู่ตรง "ทางแยก"

บางคนมีป้ายชี้ทางไว้ชัดเจน พ่อแม่เตรียมไว้ให้ ครูแนะแนวให้คำแนะนำ หรือสังคมบอกว่าเส้นทางนี้ดี

แต่บางคน...ไม่มีแม้กระทั่งแผนที่

ผมคือคนนั้น — เด็ก ม.5 ที่สอบเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ด้วยทุนจากโรงเรียนชื่อดัง

แม่ทำงานร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ลำปาง พ่อเสียตั้งแต่ผมอายุ 9 ขวบ ผมโตมากับคำว่า "ต้องตั้งใจเรียนนะ จะได้มีอนาคตดีๆ"

ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งมาถึงที่นี่

ที่ที่ไม่มีใครบอกผมว่า…

การพยายามเป็น "คนเก่ง" ตลอดเวลา มันเจ็บแค่ไหน

 

ตัวละครหลัก

ภู (ภูกานต์)

เด็ก ม.5 จากต่างจังหวัด เข้ากรุงเทพครั้งแรกด้วยทุนการศึกษา เก็บกด อ่อนไหว ไม่เก่งเข้าสังคม แต่เป็นคนตั้งใจจริงและขี้เขียน

ทีน่า (ธีรดา)

เด็กสาวห้องข้าง ๆ สายศิลป์ ชอบวาดภาพลงสมุดเงียบ ๆ ไม่ชอบพูดเรื่องครอบครัว มีแววตาเศร้า และโลกในหัวของเธอเต็มไปด้วยสี

แบงค์ (ธนพล)

เพื่อนร่วมห้องของภู ร่าเริง ตลก ชอบเล่นบาส แต่เก็บปัญหาไว้เงียบ ๆ ไม่กล้ากลับบ้านเพราะพ่อดุและคาดหวังสูง เป็นเหมือน "พี่ชาย" ที่ใจดี

 

บทที่ 1: กรุงเทพฯ ไม่ได้สว่างเหมือนในโฆษณา

เสียงรถเมล์ดังเอี๊ยดข้างโรงเรียนประจำชื่อดังแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ

เด็กชายหน้าตาธรรมดา เดินถือกระเป๋าสะพายข้างเก่า ๆ ที่แม่ซื้อให้เมื่อสองปีก่อน

 

"นี่กรุงเทพฯ เหรอวะ…" – เขาบ่นเบา ๆ กับตัวเอง

 

ภูรู้สึกเหมือนทุกคนดูเก่งกว่า ดูมีอุปกรณ์เรียนที่แพงกว่า มือถือดีกว่า แม้กระทั่งรองเท้านักเรียนยังขาวกว่า

 

ตอนเข้าแถวเคารพธงชาติ เขาไม่รู้จักใครเลย

ตอนเข้าห้องเรียน เสียงคนคุยกันเรื่องติว SAT กับเรียนอินเตอร์

เขาแทบไม่เข้าใจ

 

จนกระทั่งช่วงพักเที่ยง เขาไปนั่งกินข้าวมุมเงียบ ๆ หลังตึกกิจกรรม

มีเด็กสาวผมสั้นคนหนึ่ง นั่งอยู่ก่อนแล้ว

เธอวาดภาพแมวสีฟ้าในสมุดอย่างตั้งใจ

 

"เอ่อ...เราขอนั่งตรงนี้ได้มั้ย?"

 

"ได้สิ ไม่ใช่ที่ของเราคนเดียว" – เธอพูดโดยไม่เงยหน้า

 

เธอชื่อ "ทีน่า" — คำพูดน้อยแต่ใจดี

พวกเขาเริ่มคุยกันในช่วงพักเที่ยงมากขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ภูสังเกตได้คือ ทีน่าไม่เคยพูดถึงพ่อแม่เลย

 

 บทที่ 2: โลกของผู้ชายที่ไม่กล้าร้องไห้

"แบงค์" คือคนที่ทำให้ภูเริ่มเข้าใจว่าความเก่งไม่ใช่ทุกอย่าง

เขาเล่นบาสเก่ง ช่วยงานห้องเสมอ พูดจาตลกและดูเป็นที่รักของทุกคน

 

แต่วันหนึ่งหลังเลิกเรียน

ภูเดินกลับหอพักช้า ๆ แล้วบังเอิญเห็นแบงค์นั่งอยู่ใต้สะพานลอย

เขากำลังร้องไห้เงียบ ๆ มือถือแนบหู

 

"ก็ได้...จะกลับก็กลับ พ่ออยากให้เป็นหมอก็จะเป็น...โอเคไหม?"

 

"...แต่ผมไม่ได้อยากเป็น"

 

นั่นเป็นครั้งแรกที่ภูได้เห็นว่า คนที่ดูแข็งแกร่ง…ก็ร้องไห้เหมือนกัน

 

หลังจากวันนั้น ทั้งสามคนเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น

เขาเริ่มรู้จักโลกที่ไม่มีในหนังสือเรียน

รู้จักความเจ็บปวดที่ไม่มีคะแนนวัดได้

 

บทที่ 3: ใครคือ "คนธรรมดา"?

หลังจากผ่านวันแรกในโรงเรียนใหม่

ภูเริ่มตั้งคำถามว่า เขา "ธรรมดาเกินไปหรือเปล่า"

ในห้องเรียนเต็มไปด้วยเพื่อนที่มีอะไรโดดเด่นทั้งนั้น

 

"พ่อเขาเป็นหมอใหญ่ที่ศิริราช"

"คนนั้นติดแข่งขันฟิสิกส์ระดับชาติ"

"ยัยนี่เคยไปแลกเปลี่ยนญี่ปุ่นตอน ม.ต้นเลยนะ!"

 

แต่เขาไม่มีอะไรแบบนั้น

แค่เด็กบ้านนอกธรรมดา ที่ใช้มือถือรุ่นเก่า

เสื้อผ้าซื้อจากตลาดนัด

เวลาทำกิจกรรมก็พูดไม่เก่ง ไม่ค่อยมีใครสังเกต

 

กระทั่งวันหนึ่งครูสั่งงานเขียนบันทึก 1 หน้ากระดาษ

ภูเขียนเรื่อง "บ้านของผมตอนหน้าฝน"

ครูเอาไปอ่านหน้าห้อง แล้วบอกว่า:

 

"นี่เป็นหนึ่งในงานเขียนที่สะเทือนใจที่สุดที่ครูเคยอ่าน"

 

ทั้งห้องเงียบ

ภูรู้สึกตัวเบาขึ้นเล็กน้อย

 

และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่า...

 

"บางที...ความธรรมดาของเรา อาจไม่ธรรมดาสำหรับใครบางคน"

 

 บทที่ 4: ความลับในภาพวาดของทีน่า

ทีน่าชอบวาดรูป

ทุกครั้งที่ภูเห็น เธอมักวาดภาพที่ไม่สมจริง — เช่น

 

เด็กชายลอยอยู่กลางฟ้า

 

ปลาว่ายอยู่บนผืนทราย

 

ต้นไม้เติบโตจากเตาอบ

 

เขาเคยถามเธอ

 

"ภาพพวกนี้หมายถึงอะไรเหรอ?"

 

ทีน่าตอบเรียบ ๆ

 

"มันคือความรู้สึกที่พูดไม่ได้"

 

ต่อมาในวันหนึ่ง ฝนตกหนัก

เธอยื่นภาพหนึ่งให้ภู

ในภาพคือเด็กหญิงนั่งอยู่ในห้องมืด ล้อมรอบด้วยคนเงาๆ ที่ตะโกนใส่เธอ

 

"บ้านเราน่ะ...อยู่กันแบบนี้"

 

ทีน่าเล่าว่า เธอเป็นลูกคนเดียว

พ่อแม่ทะเลาะกันตลอด แต่บอกคนอื่นว่าครอบครัวสมบูรณ์

เธอเลยไม่ค่อยไว้ใจใคร — จนมาเจอภู

 

"นายมันน่าเบื่อดีอะ…ฉันเลยไว้ใจได้" – ทีน่ายิ้มเล็กๆ

 

บทที่ 5: ความฝันที่ไม่ใช่ของตัวเอง

วันสอบชิงทุนไปต่างประเทศกำลังจะมาถึง

มันคือโอกาสที่ทุกคนรอบตัวภูบอกว่า "ควรไปให้ได้"

แม้แต่แม่ก็โทรมาบอกว่า

 

"แม่ดีใจนะ ถ้าลูกได้ทุนนี้…แม่จะภูมิใจที่สุดเลย"

 

แต่ในขณะเดียวกัน ทีน่าเริ่มวาดภาพของ "เมืองที่ไม่มีทางออก"

และแบงค์เริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่พูดเรื่องบ้านอีกเลย

 

ภูเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักตัวเอง

เขาเขียนลงสมุดว่า:

 

"ถ้าผมไม่ได้อยากเป็นคนเก่งล่ะ?

 

ถ้าผมอยากแค่มีชีวิตที่ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ผิดไหม?"

 

 บทที่ 7: วันที่ไม่เข้าสอบ

แม่เข้าโรงพยาบาลกะทันหัน

ภูลังเลจะไปหรือสอบ

 

สุดท้ายเขาเลือกขึ้นรถไฟกลับลำปางทันที

เขานั่งมองหน้าต่างรถไปเรื่อย ๆ หัวใจแน่นราวกับทำผิดมหันต์

 

เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาล

แม่ยิ้ม ทั้งที่อิดโรย

 

"แม่ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นคนเก่งที่สุดในโลก…

 

แค่อยากให้ลูกไม่ต้องลำบากเหมือนแม่ก็พอ"

 

บทที่ 6: คืนที่ไม่มีดาว

หลังจากที่ภูเห็นแบงค์ร้องไห้ใต้สะพาน เขาไม่กล้าเข้าไปทักในตอนนั้น

แต่วันรุ่งขึ้น เขาเอากาแฟกระป๋องไปวางบนโต๊ะของแบงค์โดยไม่พูดอะไร

 

แบงค์ยิ้ม และบอกว่า

 

"เมื่อคืนเห็นเราด้วยเหรอ… โทษทีนะ ที่ทำให้เห็นด้านแย่ๆ"

 

ภูไม่ตอบ แต่พูดว่า

 

"คนเข้มแข็งจริง…คือคนที่กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่ไหว"

 

ทั้งสองคนเริ่มสนิทกันมากขึ้น

ตอนเย็นแบงค์ชวนภูกับทีน่าไปนั่งบนดาดฟ้าหอพัก

แม้จะมองไม่เห็นดาวเพราะแสงเมือง

แต่พวกเขาก็นั่งเงียบ ๆ ด้วยกันนานมาก

"เงียบแบบนี้ดีแฮะ"

"ใช่...บางทีเราไม่ได้ต้องการคำแนะนำหรอก แค่ต้องการใครสักคนที่อยู่เฉย ๆ กับเราในวันที่เราแย่"

 

คืนนั้นไม่มีดาว

แต่ในใจของพวกเขา เหมือนเริ่มเห็นแสงบางอย่าง

 

บทสรุป: ทางแยกไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง

เรื่องนี้จบลงโดยไม่มีพระเอกที่ได้รางวัล ไม่มีนางเอกที่ถูกรักโดยทุกคน

แต่มีแค่เด็กสามคน

ที่เลือกจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นในแต่ละวัน

และเรียนรู้ว่า…

 

บางครั้ง "การไม่รู้จะเดินทางไหน"

ก็ไม่ใช่เรื่องแย่

เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ

"การเป็นตัวเองจริง ๆ"